หากเราพูดถึงองค์ประกอบของการสร้างบ้านสักหลังหนึ่งแน่นอนว่า เรามักจะมุ่งเน้นไปที่ตัวบ้านและบริเวณพื้นใช้สอยภายในบริเวณเป็นหลักอยู่แล้ว แต่สำหรับ ศาลพระภูมิ
ถ้าลองสังเกตบ้านแต่ละหลังรอบ ๆ ตัวเราสิ่งนี้จะปรากฏอยู่แทบทุกหลังในบ้านของทั้งเชียงใหม่เองหรืออาจจะทั่วประเทศไทยเลยก็ว่าได้ และบทความนี้จะพาเราทุกคนไปทำความรู้จักสิ่งที่เราเห็นกันจนชินตาแต่อาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าที่ควรศาลพระภูมิ แท้จริงแล้วมีชื่อเต็มมาจากศาลพระภูมิชัยมงคลและพระภูมิยังแปลแบบตรงตัวได้ว่า เจ้าที่ ๖(คนจีนเรียกว่า ตี่จู้เอี๊ยะ) หมายถึง เจ้าที่ผู้ดูแลแผ่นดิน ที่จะช่วยปกป้องดูแลบ้านเรือน เคหสถาน อาคาร สถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งสวนไร่นา ซึ่งมีที่มาของความเชื่อทั้งจากศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน
โดยศาสนาพราหมณ์นั้นมีจุดกำเนิดมาจากโอรส 9 พระองค์ของท้าวทศราช ผู้ปกครองนคร กรุงพาลี กับพระมเหสีพระนางสันทรทุกเทวี แต่ต่อมาได้กระทำสิ่งที่ไม่ดีและเบียดเบียนมนุษย์จนทำให้พระศิวะมีโองการให้พระนารายณ์(พระวิษณุ) อวตารลงมาปราบและเมื่อปราบสำเร็จก็ขับไล่ทุกคนออกไปอยู่นอกเขตป่าหิมพานต์ทำให้ราษฎรอยู่กันอย่างเป็นสุข ด้วยสภาพที่ต้องอยู่อย่างยากลำบากทำให้พระราชา พระมเหสี และพระโอรสทั้ง 9 สำนึกผิดและปวารณาตนว่าจะตั้งอยู่ในศีลธรรมและขอกลับมาอยู่ที่เมืองดังเดิม แต่พระนารายณ์ให้ประทับอยู่บนศาลที่มีเพียง 1 เสาปักลงผืนดินแทน

ส่วนความเชื่อทางศาสนาพุทธ ตำนานความเป็นมาของพระภูมิไนพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงเป็นพระโพธิ์สัตว์ เสด็จออกบวช และประทับบำเพ็ญญาณสมาบัติใต้ต้นไทรใหญ่ จนตกกลางคืนก็ปรากฎภูมิเทวดาทรงพระนามว่า พระเจ้ากรุงพาลี ซึ่งไม่พอใจที่ ที่พระโพธิ์สัตว์มาบำเพ็ญบารมีในถิ่นตนจึงขับไล่ พระโพธิ์สัตว์จึงแสดงอิทธิฤทธิ์กินอาณาบริเวณพื้นที่ของพระเจ้ากรุงพาลีจนหมดสิ้น ทำให้พระเจ้ากรุงพาลีไม่มีที่อาศัยต้องออกไปอยู่นอกเขตมนุษย์ จนทนไม่ไหวจึงให้คนใช้ 3 คน ไปขอแบ่งที่ดินจากพระโพธิ์สัตว์ พระโพธิ์สัตว์ก็ทรงประทานให้และทรงสั่งสอนให้พระเจ้ากรุงพาลีตั้งมั่นในความสุจริตไม่เบียดเบียนผู้อื่น คอยคุ้มครองมนุษย์และสัตว์โลกตลอดไปและหากกระทำการมงคลใด ๆ จะต้องทำพิธีบูชาพระเจ้ากรุงพาลีในฐานะเจ้าของที่ จึงจะประสบความสำเร็จมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง
การจะตั้งศาลพระภูมินั้นจะไม่สามารถตั้งเองได้ เนื่องจากเชื่อกันว่าถ้าตั้งศาลพระภูมิไม่ถูกต้อง จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยนั้นพบเจอแต่สิ่งที่ไม่ดี ไม่สามารถอยู่บ้านหรือที่แห่งนั้นได้อย่างสงบสุขและจะมีเรื่องเดือดร้อนรบกวนใจอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการขึ้นบ้านใหม่หรือย้ายบ้าน ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพาฤกษ์ดีประจำวันนั้น ๆ ด้วย เช็คฤกษ์ดีของปี 2567 ฉะนั้นการจะตั้งศาลพระภูมิคู่กับบ้านของเราได้จะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการทำพิเศษและอิงตามฤกษ์และเวลาที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการดูทิศก่อนตั้งศาล
สถานที่ที่เหมาะแก่การตั้งศาล
- ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณผืนดิน ห้ามตั้งบริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน แต่ถ้าไม่มีพื้นที่ที่เป็นผืนดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ แต่ไม่ใช่พระภูมิเจ้าที่
- จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ
- ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำและอย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
- ตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนักโดยตั้งให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตรและไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
- ส่วนความสูงของศาลควรอยู่สูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย

ทิศมงคลในการตั้งศาล
ทิศที่เหมาะมีทั้งหมด 3 ทิศ ได้แก่ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งหมดเป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดการอยู่ ส่วนทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
ขั้นตอนต่อไปคือการพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้าม
ใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ธรณีสารไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ สำหรับวันและฤกษ์มงคลในการตั้งศาลพระภูมิ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม ได้แก่ 2 ค่ำ 4 ค่ำ 6 ค่ำ 9 ค่ำ และ 11 ค่ำ
เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล
- วันอาทิตย์ เวลา 6.09 น. – 8.19 น.
- วันจันทร์ เวลา 8.19 น. – 10.39 น.
- วันอังคาร เวลา 6.39 น. – 8.09 น.
- วันพุธ เวลา 8.39 น. – 10.19 น.
- วันพฤหัสบดี เวลา 10.49 น. – 11.39 น.
- วันศุกร์ เวลา 6.19 น. – 8.09 น.
- วันเสาร์ เวลา 8.49 น. – 10.49 น.
วันต้องห้ามตั้งศาล
- เดือนอ้าย (ธันวาคม) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
- เดือนยี่ (มกราคม) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
- เดือน 3 (กุมภาพันธ์) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
- เดือน 4 (มีนาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
- เดือน 5 (เมษายน) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
- เดือน 6 (พฤษภาคม) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
- เดือน 7 (มิถุนายน) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
- เดือน 8 (กรกฎาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
- เดือน 9 (สิงหาคม) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
- เดือน 10 (กันยายน) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
- เดือน 11 (ตุลาคม) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
- เดือน 12 (พฤศจิกายน) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
จะเห็นได้ว่าหลายคนอาจคิดว่าวันอาทิตย์เป็นวันที่ดีที่สุดรึเปล่าซึ่งแท้จริงแล้ววันอาทิตย์ก็ถือเป็นวันดีแต่ยังไม่ดีที่สุด เนื่องจากเพราะคนโบราณถือกันว่า แม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี แต่ก็เป็นวันแรงและร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะอาจจะทำให้บ้านร้อนไม่มีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ก็มีข้อยกเว้นว่าถ้าผู้กระทำพิธีมีเคล็ดหรือมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้เช่นกัน
ความสูงของศาล
ตามหลักแล้วเราจะยึดเอาความสูงของศาลจากตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐาน
หรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราอาจกล่าวว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี) ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่ โดยให้ยึดถือเป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ และขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน
การปักเสาตั้งศาล
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้ พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท
รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้)
- เหรียญเงิน 9 เหรียญ
- เหรียญทอง 9 เหรียญ อาจจะเป็นเหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ ก็ได้
- ใบเงิน 9 ใบ
- ใบทอง 9 ใบ
- ใบนาค 9 ใบ
- ใบรัก 9 ใบ
- ใบมะยม 9 ใบ
- ใบนางกวัก 9 ใบ
- ใบนางคุ้ม 9 ใบ
- ใบกาหลง 9 ใบ
- ดอกบานไม่รู้โรย 9 ดอก
- ดอกพุทธรักษา 9 ดอก
- ไม้มงคล 9 ชนิด
- แผ่น เงิน,ทอง,นาค 1 ชุด
- พลอยนพเก้า 1 ชุด
ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )

ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ นั่นก็
คือจะเหว็ดศาลพระภูมิ ซึ่งจะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และเราจะต้องทำการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิโดยทำได้โดยการบรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ บรรจุพระธรรมคุณ บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ดและเมื่ออปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า “พระภูมิ” ซึ่งบริวารของพระภูมิ ได้แก่
- ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
- ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
- ละครยก 2 โรง
เครื่องประดับตกแต่งศาลพระภูมิ จะประกอบด้วย
- แจกัน 1 คู่
- เชิงเทียน 1 คู่
- กระถางธูป 1 ใบ
- ผ้าผูกจะเหว็ด 1 ผืน
- ผ้าพันศาล 1 ชุด (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง)
- ฉัตรเงิน-ทอง 2 คู่
- ด้ายสายสิญจน์ 1 ม้วน
- ผ้าขาว 1 ผืน
- ทองคำเปลว
- แป้งเจิม 1 ถ้วย
- ดอกบัว 9 ดอก
12.ดอกไม้ 7 สี หรือมาลัย 7 สี
เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล ประกอบด้วยอาหารคาวและหวานดังนี้
- หัวหมู 1 หัว
- ไก่ต้ม 1 ตัว
- เป็ด 1 ตัว
- ปลานึ่ง 1 ตัว
- ปู หรือ กุ้ง 1 จาน
- บายศรีปากชามยอดไข่ 1 คู่
- น้ำจิ้ม 2 ถ้วย
- ข้าวสวย 2 ถ้วย
- เหล้า 1 ขวด
- น้ำชา 2 ถ้วย
- น้ำสะอาด 2 แก้ว
- มะพร้าวอ่อน 1 คู่
- ขนมต้มแดง 2 จาน
- ขนมต้มขาว 2 จาน
- ขนมถั่วงา 2 จาน
- ขนมถ้วยฟู 2 จาน
- ขนมหูช้าง 2 จาน
- เผือก-มันต้ม 2 จาน
- ฟักทอง 2 ผล
- แตงไทย 2 ผล
- 21.ขนุน 2 จาน
- สับปะรด 2 ผล
- กล้วย 2 หวี
- ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน
- พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
ทั้งนี้หากถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จานได้เช่นกัน
เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาลในรูปแบบมังสวิรัติ ประกอบด้วยอาหารคาวและหวานดังนี้
- มะพร้าวอ่อน 1 คู่
- ถั่วคั่ว 2 จาน
- งาคั่ว 2 จาน
- เผือก-มันต้ม 2 จาน
- ขนมต้มแดง 2 จาน
- ขนมต้มขาว 2 จาน
- ขนมถั่วงา 2 จาน
- ขนมถ้วยฟู 2 จาน
- ฟักทอง 2 ผล
- แตงไทย 2 ผล
- ขนุน 2 จาน
- สับปะรด 2 ผล
- สับปะรด 2 ผล
- ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน
- พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
- น้ำสะอาด 2 แก้ว
- ข้าวสวย 2 ถ้วย
- น้ำชา 2 ถ้วย
- นม 2 ถ้วย
- เนย 2 ถ้วย
ผลไม้ที่ห้ามนำถวาย ซึ่งผลไม้เหล่านี้เป็นผลไม้ที่คนไทยโบราณเชื่อว่าเป็นผลไม้อัปมงคล
- มังคุด
- ละมุด
- ระกำ
- มะเฟือง
- มะไฟ
- น้อยโหน่ง
- น้อยหน่า
- กระท้อน
- ลูกท้อ
- ลูกจาก
- ลูกพลับ
- มะขวิด
- มะตูม
- พุทรา
- ลางสาด
แน่นอนว่าการที่เราคำนึงถึงหลักความเชื่อต่าง ๆ เหล่านี้นอกจากจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเองมีความสบายใจและส่งเสริมให้ผู้อยู่มีความเจริญก้าวหน้าแล้วยังถือเป็นการสืบถอดหลักความเชื่อและวัฒนธรรมของพวกเราให้คงอยู่ต่อไปอีกด้วย ซึ่งนอนกจากความเชื่อเรื่องศาลพระภูมิแล้ว การจัดตั้งหิ้งพระเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล รวมไปถึงการสร้างและจัดแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยก็สำคัญไม่แพ้กัน
ทั้งนี้หากใครมีข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องศาลพระภูมิก็สามารถร่วมแชร์กับพวกเราได้ผ่านช่องคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะคะ
ขอขอคุณข้อมูลจาก www.nanitalk.com
คิดเห็นอย่างไรบอกเราได้ที่นี่
ถาม-ตอบ กับ ศาลพระภูมิกับบทบาทเพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้าน
ศาลพระภูมิเป็นที่บูชาที่บ้านไทยเพื่อความเป็นสิริมงคลและความร่มเย็นของบ้าน มีบทบาทในการปกป้องและดูแลบ้านเรือนและสวนไร่นาของคนไทยตลอดจนสัตว์โลก
ตำนานเกี่ยวกับศาลพระภูมิที่มาจากศาสนาพราหมณ์มีต้นกำเนิดจากโอรส 9 พระองค์ของท้าวทศราช และเป็นผลมาจากความเบียดเบียนของพระมเหสีพระนางสันทรทุกเทวี
ทิศที่เหมาะสำหรับการตั้งศาลพระภูมิคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ, ทิศตะวันออก, และทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทิศที่ดีที่สุดเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้าน
ศาลพระภูมิสามารถตั้งบนผืนดินหรือดาดฟ้าได้ แต่บางครั้งถ้าตั้งบนดาดฟ้าจะมีเจ้าที่เป็นเทวดาต่างๆ เช่นพระพรหม
สามารถตั้งศาลพระภูมิได้ตามเจ้าบ้านสะดวก แต่คนไทยส่วนใหญ่จะตั้งศาลพระภูมิในวันที่มีฤกษ์ดี
สิ่งของที่ต้องเตรียมรวมถึงพานครู, ธูป, เทียนขาว, ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด, เหล้า, บุหรี่, ผ้าขาว, เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท
ความสูงของศาลควรอยู่เหนือระดับปากหรือคิ้วพอดีของเจ้าของบ้าน
ขั้นตอนการตั้งศาลพระภูมิรวมถึงการเตรียมหลุม, การปักเสา, และการสร้างพิธีกรรมเพื่อบอกกล่าวและสักการะ เพื่อให้ศาลพระภูมิมีประสิทธิภาพในการปกป้องบ้านและผู้อยู่อาศัยทุกคนในบ้านนั้น
- วันอาทิตย์ เวลา 6.09 น. – 8.19 น.
- วันจันทร์ เวลา 8.19 น. – 10.39 น.
- วันอังคาร เวลา 6.39 น. – 8.09 น.
- วันพุธ เวลา 8.39 น. – 10.19 น.
- วันพฤหัสบดี เวลา 10.49 น. – 11.39 น.
- วันศุกร์ เวลา 6.19 น. – 8.09 น.
- วันเสาร์ เวลา 8.49 น. – 10.49 น.
- เดือนอ้าย (ธันวาคม) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
- เดือนยี่ (มกราคม) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
- เดือน 3 (กุมภาพันธ์) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
- เดือน 4 (มีนาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
- เดือน 5 (เมษายน) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
- เดือน 6 (พฤษภาคม) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
- เดือน 7 (มิถุนายน) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
- เดือน 8 (กรกฎาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
- เดือน 9 (สิงหาคม) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
- เดือน 10 (กันยายน) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
- เดือน 11 (ตุลาคม) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
- เดือน 12 (พฤศจิกายน) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
- เหรียญเงิน 9 เหรียญ
- เหรียญทอง 9 เหรียญ อาจจะเป็นเหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ ก็ได้
- ใบเงิน 9 ใบ
- ใบทอง 9 ใบ
- ใบนาค 9 ใบ
- ใบรัก 9 ใบ
- ใบมะยม 9 ใบ
- ใบนางกวัก 9 ใบ
- ใบนางคุ้ม 9 ใบ
- ใบกาหลง 9 ใบ
- ดอกบานไม่รู้โรย 9 ดอก
- ดอกพุทธรักษา 9 ดอก
- ไม้มงคล 9 ชนิด
- แผ่น เงิน,ทอง,นาค 1 ชุด
- พลอยนพเก้า 1 ชุด
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )
-พระภูมิ
-จะเหว็ดศาลพระภูมิ
-ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
-ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
-ละครยก 2 โรง
- แจกัน 1 คู่
- เชิงเทียน 1 คู่
- กระถางธูป 1 ใบ
- ผ้าผูกจะเหว็ด 1 ผืน
- ผ้าพันศาล 1 ชุด (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง)
- ฉัตรเงิน-ทอง 2 คู่
- ด้ายสายสิญจน์ 1 ม้วน
- ผ้าขาว 1 ผืน
- ทองคำเปลว
- แป้งเจิม 1 ถ้วย
- ดอกบัว 9 ดอก
12.ดอกไม้ 7 สี หรือมาลัย 7 สี
- หัวหมู 1 หัว
- ไก่ต้ม 1 ตัว
- เป็ด 1 ตัว
- ปลานึ่ง 1 ตัว
- ปู หรือ กุ้ง 1 จาน
- บายศรีปากชามยอดไข่ 1 คู่
- น้ำจิ้ม 2 ถ้วย
- ข้าวสวย 2 ถ้วย
- เหล้า 1 ขวด
- น้ำชา 2 ถ้วย
- น้ำสะอาด 2 แก้ว
- มะพร้าวอ่อน 1 คู่
- ขนมต้มแดง 2 จาน
- ขนมต้มขาว 2 จาน
- ขนมถั่วงา 2 จาน
- ขนมถ้วยฟู 2 จาน
- ขนมหูช้าง 2 จาน
- เผือก-มันต้ม 2 จาน
- ฟักทอง 2 ผล
- แตงไทย 2 ผล
- 21.ขนุน 2 จาน
- สับปะรด 2 ผล
- กล้วย 2 หวี
- ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน
- พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
ทั้งนี้หากถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จานได้เช่นกัน
- มะพร้าวอ่อน 1 คู่
- ถั่วคั่ว 2 จาน
- งาคั่ว 2 จาน
- เผือก-มันต้ม 2 จาน
- ขนมต้มแดง 2 จาน
- ขนมต้มขาว 2 จาน
- ขนมถั่วงา 2 จาน
- ขนมถ้วยฟู 2 จาน
- ฟักทอง 2 ผล
- แตงไทย 2 ผล
- ขนุน 2 จาน
- สับปะรด 2 ผล
- สับปะรด 2 ผล
- ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน
- พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
- น้ำสะอาด 2 แก้ว
- ข้าวสวย 2 ถ้วย
- น้ำชา 2 ถ้วย
- นม 2 ถ้วย
- เนย 2 ถ้วย
คนไทยเชื่อว่าการถวายผลไม้เหล่านี้จะเป็นอัปมงคล
- มังคุด
- ละมุด
- ระกำ
- มะเฟือง
- มะไฟ
- น้อยโหน่ง
- น้อยหน่า
- กระท้อน
- ลูกท้อ
- ลูกจาก
- ลูกพลับ
- มะขวิด
- มะตูม
- พุทรา
- ลางสาด
บทความน่าสนใจเพิ่มเติม

เรนทรี คอนโดมิเนียม เชียงใหม่ เพลิดเพลินกับความสุขอย่างลงตัว
สะดวกสบายในบรรยากาศที่เงียบสงบ เรนทรี คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ในเทศบาลนครเชียงใหม่ ไม่ไกลจากถนนมหิดล บรรยากาศเงียบสงบ เดินทางสะดวก อยู่ใกล้กับโรงเรียนวารี หนึ่งในโรงเรียนนานาชาติเอกชนชั้นนำของประเทศไทยในเชียงใหม่ โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 6 นาที ทำเลที่ยอดเยี่ยม เรนทรี คอนโดมิเนียม สามารถเดินทางเข้าออกด้วยเส้นทางหลัก 1141 และอยู่ห่างจากแยกสนามบินเพียง 5 นาที ให้เส้นทางที่รวดเร็วเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยม ไม่ว่าคุณจะมุ่งหน้าไปยังแหล่งช้อปปิ้งเมืองเก่า หรือถนนนิมมานเหมินท์ ทำเลของคอนโดก็สามารถมอบความสะดวกสบายให้ได้ทุกรูปแบบ ความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก

นอร์ท คอนโด การใช้ชีวิตอันล้ำค่าท่ามกลางทะเลสาบและภูเขา
Land and Houses ที่หลายๆคนรู้จักกันในฐานะผู้พัฒนาทางพาณิชย์และการเงิน เช่น LH Bank และ HomePro ได้ลงทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้แก่โครงการ “นอร์ท คอนโด” ที่เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2012 ได้เปิดตัวคอนโดระดับไฮเอนด์จำนวน 8 แห่งในเชียงใหม่ ได้แก่ นอร์ท 1 (North Place Condominium), นอร์ท

ดอยปิงแมนชั่น คอนโดย่านเมืองเก่า ที่สุดของความสะดวกสบาย
ดอยปิงแมนชั่น เชียงใหม่ สร้างแล้วเสร็จในปี 1994 ตัวคอนโดดีไซน์และออกแบบให้มีความเรียบง่ายด้วยการทาสีตึกเป็นสีครีม แต่เน้นการใช้งานภายในให้มากที่สุด ดอยปิงแมนชั่นตั้งอยู่บนถนนเจริญประเทศ ช้างคลาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติพลุกพล่านมากที่สุด เนื่องจากบนถนนเจริญประเทศเต็มไปด้วยประวัติศาตร์ของเมืองเชียงใหม่ ตลาดนัดที่ขายของเกี่ยวกับเมืองเหนือ เมืองเชียงใหม่ ร่องรอยเมืองเก่าอย่างท่าแพ วัดวาอาราม แหล่งอารยธรรมเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดอยปิงแมนชั่น คอนโดย่านเมืองเก่า ที่สุดของความสะดวกสบาย ดอยปิงแมนชั่น คอนโดย่านเมืองเก่า ที่สุดของความสะดวกสบาย ที่ตั้งย่านเมืองเก่าแต่เก๋า ตั้งอยู่บนถนนเจริญประเทศ ช้างคลาน

คอนเวนชั่นคอนโดเชียงใหม่ คอนโดใกล้เมือง มองเห็นวิวดอยสุดเทพ
คอนเวนชั่นคอนโดเชียงใหม่ ถูกสร้างเสร็จในปี 2012 ได้รับการพัฒนาโครงการโดย ควอลิตี้ เฮ้าส์ ออกแบบและดีไซน์ให้ตัวตึกมีความเรียบง่าย แต่เน้นการใช้งานได้ทุกพื้นที่ ภายนอกทาสีขาวดูสบายตา ภายในคอนโดตัวห้องนอนติดด้วยกระจกที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ให้ความรู้สึกได้รับการผ่อนคลาย จึงเหมาะแก่นักศึกษา หรือวัยทำงานที่ทำงานหรือเรียนในเมืองและต้องการพื้นที่สงบเพื่อการพักผ่อน คอนเวนชั่นคอนโด เชียงใหม่ คอนโดใกล้เมือง มองเห็นวิวดอยสุเทพ คอนเวนชั่นคอนโด เชียงใหม่ คอนโดใกล้เมือง มองเห็นวิวดอยสุเทพ บนทำเลที่ตั้งแสนเพอร์เฟค คอนเวนชั่นคอนโดเชียงใหม่อยู่ห่างจากในเมืองเพียงแค่ 10 นาที เป็นทำเลทองที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก

ช้างคลาน เรสซิเดนซ์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อุ่นใจในทุกคุณภาพ
คอนโดพร้อมอยู่ ราคาถูก ทำเลดีใจกลางเมืองเชียงใหม่ที่สร้างเสร็จในปี 2021 ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน ใกล้ประตูท่าแพและไนท์บาร์ซ่า สามารถเดินทางได้สะดวก อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งชุมชน เป็นโครงการคอนโดสูง 12 ชั้น มีขนาดตั้งแต่ห้องสตูดิโอไปจนถึงขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครันตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นล้านนา สร้างบรรยากาศให้น่าอยู่และความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ที่ตั้งกลางใจเมือง ย่านเศรษฐกิจ ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน ถือเป็นทำเลที่รวบรวมความสะดวกสบายไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งการค้า สถานศึกษา สถานพยาบาล แหล่งท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ช้างคลานเรสซิเดนท์ยังใกล้เคียงกับ

คอนโดเชียงใหม่วิวเพลส ที่ตั้งทำเลทอง รายล้อมด้วยสิ่งอุปโภคบริโภค
คอนโดเชียงใหม่วิวเพลส มี 2 โครงการด้วยกัน โดยเชียงใหม่วิวเพลส 1 และ เชียงใหม่วิวเพลส 2 ตั้งอยู่บนทำเลที่ดี ใจกลางเมืองเชียงใหม่ที่เดินทางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตตั้งแต่ วัยเรียน ไปจนถึงวัยทำงาน เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบหรือมีกิจกรรมในเมือง ทั้งสองแห่งตกแต่งห้องด้วยสไตล์โมเดิร์นอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความทันสมัย เชียงใหม่วิวเพลส 1 ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 2012 และ เชียงใหม่วิวเพลส 2 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี